ร้อยไหมก้างปลา คืออะไร? ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
ร้อยไหมก้างปลาคืออะไร? การร้อยไหมช่วยเรื่องอะไรบ้าง? ปัจจุบัน การร้อยไหมเป็นการเสริมความงามรูปแบบหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยม เพราะการร้อยไหมสามารถยกกระชับ ปรับให้ใบหน้าของเราดูเรียว ดูอ่อนเยาว์ลงกว่าเดิม ซึ่งการร้อยไหมก็คือการนำเส้นไหมชนิดพิเศษมาร้อยเข้าไปบริเวณใต้ผิวหนัง เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวบริเวณรอบ ๆ เส้นไหม ผิวบริเวณนั้นจึงเกิดแรงตึงและยกกระชับขึ้น ทำให้ใบหน้าของเราเรียวขึ้น ผิวเต่งตึงแบบไม่ต้องเจ็บตัวผ่าตัดนั่นเอง

ร้อยไหม 

ร้อยไหมก้างปลา คืออะไร?

การร้อยไหมมีหลายชนิด แต่ที่เราคุ้นชื่อกันบ่อย ๆ ก็คือ “การร้อยไหมก้างปลา” นั่นเพราะไหมชนิดนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เป็นไหมละลายเส้นใหญ่ ลักษณะของเส้นไหมจะมีเงี่ยงโผล่ออกมาเหมือนก้างปลาทั้งสองข้าง นำเข้าจากอเมริกาและเกาหลี เมื่อร้อยเข้าสู่ผิวหนัง เงี่ยงของไหมก้างปลาจะเกี่ยวพยุงเนื้อเยื่อของใบหน้าเอาไว้ (นึกภาพเหมือนตะขอเกี่ยว) ทำให้ใบหน้ายกกระชับ ไม่ห้อยตกลงมา ใบหน้าจึงเรียวขึ้น ผิวที่หย่อนคล้อยก็กลับมาตึงกระชับ 

การร้อยไหมก้างปลาสามารถทำได้ทุกเพศและไม่จำกัดช่วงอายุ ไม่จำเป็นต้องรอให้ผิวหย่อนคล้อยมาก ๆ ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจมาทำ เหมาะสำหรับคนที่

  • อยากปรับใบหน้าให้เรียวสวยมากขึ้น
  • อยากให้กรอบหน้าคมชัด คางเด่นขึ้น ต้องการแก้ไขปัญหาคาง 2 ชั้น
  • การร้อยไหมก้างปลาสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง เหมาะสำหรับคนที่อยากฟื้นฟูเซลล์ผิวให้แข็งแรง
  • คนที่ต้องการให้ผิวยกกระชับ ร่องแก้มดูตื้นขึ้น
  • คนที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ เช่น ตีนกา
  • การร้อยไหมก้างปลา สามารถช่วยให้การไหลเวียนโลหิตบริเวณใบหน้าดีขึ้น ผิวจึงมีสุขภาพดีขึ้นเช่นกัน

การร้อยไหมก้างปลา ใช้เส้นไหมชนิดไหนบ้าง?

ก่อนอื่นเราต้องขอบอกก่อนว่าไหมก้างปลาทุกชนิด เป็นเส้นไหมเกรดที่ใช้สำหรับการแพทย์โดยเฉพาะ ดังนั้นจึงมีความปลอดภัยสูง ซึ่งตัวไหมก้างปลาจะมีทั้งหมด 3 ชนิดด้วยกัน ได้แก่

  • PDO

เป็นไหมละลายที่มีประสิทธิภาพสูงและสามารถละลายได้เองภายในเวลา 8-12 เดือน เป็นเส้นไหมที่มาจากไหมที่ใช้เย็บเส้นเลือดหัวใจ

  • PLLA

เป็นเส้นไหมรุ่นแรก ๆ ที่ใช้ในการร้อยไหมยกกระชับ มีความแข็งค่อนข้างมากจนคนไข้สามารถสัมผัสได้ถึงตัวไหม หรืออาจได้ยินเสียงเวลาขยับกล้ามเนื้อใบหน้าได้

  • PLC

เป็นไหมเส้นเล็กและมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับการร้อยในจุดที่ละเอียดอ่อน เช่น ดวงตา ซึ่งปัจจุบันได้มีการพัฒนานำจุดเด่นของ PLC และ PLLA เข้าด้วยกันจนกลายเป็นเส้นไหมที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

แต่ทั้งนี้ เส้นไหมที่ใช้ในการร้อยไหมก้างปลาควรเป็นเส้นไหมที่มีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อการขยับได้ดี ไม่เปราะบาง ไม่ขาดง่าย ควบคู่ไปกับการเลือกรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สูง ผลลัพธ์ที่ได้จึงจะสมบูรณ์ยิ่งขึ้นค่ะ

ควรร้อยไหมก้างปลากี่เส้น?

สำหรับข้อคำถามนี้ บุคคลที่จะประเมินให้เราได้ก็คือคุณหมอค่ะ เพราะแต่ละคนจะใช้เส้นไหมไม่เท่ากันอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับ

  • ขนาดเนื้อแก้มของคนไข้
  • ความแน่นของผิว
  • ความต้องการของคนไข้ จุดไหนบ้างที่ต้องการให้ยกกระชับ

ซึ่งก่อนการร้อยไหมก้างปลา คุณหมอจะต้องประเมินอยู่แล้วว่าแต่ละเคสควรใช้ไหมก้างปลาข้างละกี่เส้น โดยคำนึงถึงความเหมาะสมและความต้องการของคนไข้เป็นหลัก ซึ่งปกติแล้วจะใช้เฉลี่ยอยู่ที่ข้างละ 3-10 เส้น แตกต่างไปตามปัจจัยส่วนบุคคล แต่ถ้าใครอยากให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้นอีกหน่อย ก็สามารถรีเควสคุณหมอว่าขอใช้จำนวนเส้นเยอะขึ้นได้ค่ะ

ร้อยไหมก้างปลาเจ็บไหม? กี่วันจึงจะเห็นผล?

ก่อนร้อยไหมก้างปลา คุณหมอจะฉีดยาชาให้ก่อนค่ะ รอจนยาออกฤทธิ์แล้วจึงค่อยร้อยไหม ดังนั้นระหว่างร้อยจึงไม่เจ็บเลย แต่อาจจะรู้สึกได้ถึงเส้นไหมตอนกำลังร้อยเข้าไป ซึ่งนับเป็นอาการปกติค่ะ

การร้อยไหมก้างปลาสามารถเห็นผลได้ทันที เนื่องจากเงี่ยงไหมที่คล้ายตะขอจะเกี่ยวดึงผิวของเราขึ้นทันทีที่ร้อย แต่ปกติแล้ว หลังร้อยไหมก้างปลาในช่วง 3-4 วันแรกหน้าจะบวมขึ้น ก่อนจะค่อย ๆ ยุบลงได้เองและเข้าที่ใน 14 วัน (แต่ถ้าหลังวันที่ 4 ยังไม่เริ่มยุบ ทั้งยังมีอาการบวมแดง ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน)

สรุปแล้ว การร้อยไหมก้างปลาดีไหม?

การร้อยไหมก้างปลาจะดีหรือไม่ ย่อมขึ้นอยู่การเลือกของเราเป็นหลัก ดังนั้นจึงควรเลือกใช้บริการกับคลินิกที่น่าเชื่อถือ ได้มาตรฐาน ต้องรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการร้อยไหม คุณหมอจะได้ช่วยวิเคราะห์ปัญหาและแนะนำแนวทางในการแก้ปัญหาที่เหมาะสมให้แก่เรา ผลลัพธ์จะได้ออกมาดีและปลอดภัยกับตัวเรามากที่สุดนะคะ

โปรโมชั่นที่เกี่ยวข้อง
Copyright © 2022 For V Clinic , All Rights Reserved.