เสริมคางแบบไหนดี? ควรเลือกเสริมคางด้วยวิธีไหนผลลัพธ์ถึงจะออกมาดูดีที่สุด?
เสริมคางแบบไหนดี? หนึ่งปัญหายอดฮิตของคนที่คิดอยากเสริมคางแต่กลัวตัดสินใจผิดพลาด เนื่องจากเลือกไม่ถูกว่ารูปหน้าอย่างเราควรจะเลือกเสริมคางแบบไหนดี ซึ่งสำหรับใครที่กำลังตัดสินใจ อยากรู้ว่าเสริมคางมีกี่แบบและควรเลือกเสริมคางแบบไหนดีให้เข้ากับใบหน้าของเรามากที่สุด วันนี้ For V clinic ได้หาคำตอบมาเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจให้ทุกคนแล้วค่ะ

เสริมคางแบบไหนดี

เสริมคางแบบไหนดี?

โดยหลัก ๆ การเสริมคางจะแบ่งออกเป็นสองรูปแบบค่ะ ได้แก่ การเสริมคางแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัด ซึ่งทั้งสองแบบจะมีข้อแตกต่างกัน ดังนี้

  • การเสริมคางด้วยการผ่าตัด

วิธีนี้เป็นวิธีพื้นฐานที่ใครหลายคนคงได้ยินชื่อบ่อย ๆ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการปรับโครงสร้างรูปคาง หรือคนที่เดิมทีมีปัญหาด้านโครงสร้างค่อนข้างหนัก ซึ่งการเสริมคางด้วยการผ่าตัด จะแบ่งออกเป็น

  •  ผ่าตัดย้ายกระดูกบริเวณคาง

วิธีนี้จะไม่ได้ผ่าเพื่อเสริมซิลิโคนค่ะ แต่เป็นการผ่าเพื่อย้ายกระดูก โดยแพทย์จะตัดกระดูกบริเวณคางออกแล้วโยกออกมาให้คางดูยื่นขึ้นหรือได้รูปตามที่ต้องการ แต่วิธีนี้มีข้อจำกัดตรงที่ว่าแพทย์จำเป็นต้องมีความชำนาญสูง อีกทั้งบาดแผลหลังทำยังบวมนานและต้องการการพักฟื้นที่ค่อนข้างนานค่ะ 

  • ผ่าตัดเสริมคางด้วยการใส่ซิลิโคน

วิธีนี้ค่อนข้างเป็นที่นิยมเพราะทำได้ง่าย สะดวก และให้ผลลัพธ์ที่สวยงาม โดยการผ่าตัดเสริมคางด้วยซิลิโคนจะแบ่งแยกย่อยออกเป็นการเสริมคางแผลนอกและการเสริมคางแผลใน 

ความแตกต่างก็คือการเสริมคางแผลนอกจะเป็นการกรีดแผลบริเวณใต้คางเพื่อใส่ซิลิโคนเข้าไป แผลผ่าตัดจะมีขนาด 1.5-2 เซนติเมตร ข้อดีของวิธีนี้คือแพทย์สามารถวางตำแหน่งซิลิโคนได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งการดูแลแผลยังทำได้ง่ายกว่าการเสริมคางแผลใน แผลบวมน้อยกว่า และใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน แต่ข้อเสียของวิธีนี้คือไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นแผลเป็นคีลอยด์ง่าย เพราะหลังทำอาจเกิดแผลนูน ๆ ใต้คางได้

ส่วนอีกวิธีหนึ่งคือการเสริมคางแผลใน วิธีนี้จะเป็นการกรีดแผลในช่องปากบริเวณเหงือก ข้อดีของวิธีนี้คือสามารถซ่อนรอยแผลผ่าตัดได้ ไม่เสี่ยงต่อการเกิดรอยแผลเป็น แต่ข้อเสียคือดูแลบาดแผลได้ยาก เสี่ยงต่อการมีเศษอาหารเข้าไปติดจึงจำเป็นต้องดูแลความสะอาดช่องปากเป็นพิเศษ ไม่อย่างนั้นแผลอาจติดเชื้อได้ อีกทั้งยังบวมนานกว่าและพักฟื้นนานกว่าการเสริมคางแผลนอกค่ะ 

  • เสริมคางแบบไม่ผ่าตัด

หรือที่รู้จักกันในชื่อการฉีดฟิลเลอร์คาง วิธีนี้จะเป็นการฉีดสารไฮยาลูรอนิก แอซิดเข้าไปบริเวณคางเพื่อปั้นรูปทรงให้ได้ตามที่เราต้องการ สามารถทำให้คางดูเรียวสวยขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ข้อจำกัดของวิธีนี้คือไม่สามารถเสริมคางได้ยาวมากกว่า 1 เซนติเมตร ดังนั้นจึงไม่เหมาะสำหรับคนที่เดิมไม่ค่อยมีพื้นฐานโครงสร้างคางหรือคางสั้นมาก ผลลัพธ์ในการฉีดจะไม่ถาวร ในการฉีดหนึ่งครั้งผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน แต่ก็สามารถฉีดเติมได้เรื่อย ๆ โดยไม่เป็นอันตรายค่ะ

เสริมคางแบบไหนดี? เลือกระหว่างการเสริมซิลิโคนและการฉีดฟิลเลอร์คาง

ก่อนอื่นเราต้องอธิบายก่อนว่าการจะเลือกเสริมคางแบบไหนดี ทั้งสองวิธีนี้ไม่มีวิธีไหนดีไปกว่ากันนะคะ โดยให้พิจารณาจากความต้องการของเราเป็นหลักว่าวิธีไหนตอบโจทย์มากกว่า ซึ่งถ้าหากจะจำแนกความต่างให้เห็นได้ชัด ๆ จะแบ่งเป็นตามนี้เลยค่ะ

  • การเสริมคางด้วยซิลิโคน

  • ผลลัพธ์อยู่ได้ถาวร
  • เสริมคางได้หลายรูปทรง เลือกทรงคางได้มากกว่า
  • ซิลิโคนสามารถเลือกได้หลายทรง ผลลัพธ์จึงออกมาเป็นธรรมชาติ เข้ากับใบหน้าโดยรวม
  • จำเป็นต้องใช้เวลาพักฟื้นเพื่อรอคางเข้าที่ประมาณ 1-3 เดือน
  • หากต้องการแก้ไขรูปทรง จำเป็นต้องผ่าตัดใหม่เท่านั้น
  • การฉีดฟิลเลอร์คาง

  • เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังฉีดประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์
  • ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น
  • ไม่มีบาดแผลหลังทำ (ยกเว้นรอยเข็มเล็ก ๆ)
  • ฟิลเลอร์สามารถสลายได้ ดังนั้นผลลัพธ์จึงไม่ถาวร
  • ไม่สามารถเสริมคางได้ยาวเกิน 1 เซนติเมตร
  • เหมาะสำหรับคนที่พอจะมีฐานคางเดิมอยู่บ้าง
  • หากต้องการแก้ไข สามารถทำได้โดยการฉีดเติมหรือฉีดสลาย

สรุป เสริมคางแบบไหนดี?

จากที่เราได้เปรียบเทียบความต่างของการเสริมคางทั้งสองแบบ คุณผู้อ่านทั้งหลายคงได้คำตอบของคำถามที่ว่าเสริมคางแบบไหนดีเรียบร้อยแล้ว และอย่างที่เราได้อธิบายไปเลยค่ะว่าไม่มีวิธีไหนดีกว่ากัน ขึ้นอยู่กับความสะดวกและความต้องการของเราทั้งนั้นเลย หากใครต้องการเสริมคางแบบถาวร อยากให้คางเรียวยาวกว่าเดิมมาก ๆ ก็ควรเลือกการเสริมซิลิโคน แต่ถ้าใครอยากปรับรูปทรงเพียงเล็กน้อย ไม่อยากเสริมเยอะ ไม่มีเวลาพักฟื้น การฉีดฟิลเลอร์คางก็จะตอบโจทย์กว่า แต่ทั้งนี้ ควรปรึกษาคุณหมอร่วมด้วยเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมามีประสิทธิภาพมากที่สุดนะคะ หากสนใจบริการศัลยกรรมคาง หรืออยากสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการเสริมคางแบบไหนดีกับคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ สามารถมาดูรายละเอียด หรือติดต่อสอบถามได้ทางเว็บไซต์ For V Clinic

โปรโมชั่นที่เกี่ยวข้อง
Copyright © 2022 For V Clinic , All Rights Reserved.